Sat. Apr 27th, 2024
0 0
Read Time:5 Minute, 8 Second

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (27 มี.ค.66) "ราคาไม่เปลี่ยนแปลง" ราคาทอง Spot ยังยืน 2,000 ดอลลาร์ ไม่ได้ ภาพระยะสั้นเข้าสู่ช่วงปรับฐาน แนวโน้มราคาทองไทยแกว่งคร่อมระดับ 32,000 บาท

  • ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 31,850.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 31,950.00 บาท/บาททองคำ
  • ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 31,275.08บาท/บาททองคำ และขายออก 32,450.00 บาท/บาททองคำ

ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,959.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.44บาท/ดอลลาร์

ราคาทองคำในตลาดฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันจันทร์ หลังทะยานขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง ระบุว่าแนวโน้มราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยช่วงกลางวันปรับตัวในกรอบที่แคบลง ตลาดเริ่มคลายความกังวลไปบ้างเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร แต่ยังคงต้องติดตามต่อไป ซึ่งก็มีข่าวว่า First Citizens BancShares มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการธนาคาร SVB

หากสามารถบรรลุข้อตกลงกันก็อาจจะคลี่คลายความกังวลไปบางส่วนได้บ้าง รวมถึงถ้าธนาคารฝั่งยุโรป ถ้าไม่มีความกังวลอะไรเพิ่มเติม ก็อาจส่งผลต่อแรงเทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีประเด็นที่ประธานาธิบดีปูตินประกาศจะติดตั้งฐานอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุสก็ตาม แต่นักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักในขณะนี้

เฟดและมุมมองตลาดมีการคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยที่สวนทางกัน

ทองคำพุ่งแรงอีกครั้งในรอบ 1 ปีทะลุบริเวณ 2,000 ดอลลาร์ ด้วยความกังวลของวิกฤตภาคธนาคารอาจยังไม่จบ แม้อาจจะคลี่คลายลงบ้างทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป แต่อาจเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่เฟดได้มีการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% ในการประชุมล่าสุดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ FED Dot Plot เฟดยังคงยืนยันสิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ที่ 5.1% แต่ย้ำว่าจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งสะท้อนต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ปัจจัยดังกล่าวยิ่งทำให้หนุนแรงซื้อราคาทองคำเข้ามา เนื่องจากสะท้อนว่าเฟดใกล้หยุดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น แต่สวนทางกับตลาดคาดว่าสิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะอยู่ที่ 4.00%-4.25% แสดงว่ามุมมองของตลาดยังคงคาดว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงตลาดมองว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปคำพูดจาก นสล็อตออนไลน์

ขณะเดียวกันก็คาดว่าเฟดอาจจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้เช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้ตลาดมีมุมมองเช่นนี้มาจากความกังวลของวิกฤตภาคธนาคารที่อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันข้างหน้า

ความกังวลวิกฤตภาคธนาคารอาจยังไม่จบ

ตอนนี้ตลาดเริ่มคลายความกังวลไปบ้างจากที่ฝั่งยุโรป ธนาคารยูบีเอส (UBS) ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ได้ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิต สวิส ในวงเงิน 3 หมื่นล้านฟรังก์สวิสแต่การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อเพื่อช่วยเหลือไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงที่กว้างขึ้น จึงเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเร็ว เพราะโดยปกติแล้วการเข้าซื้อกิจการมักจะต้องมีการทำ Due Diligence ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน

ส่วนทางด้านสหรัฐฯ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ พยายามเรียกความเชื่อมั่นให้ตลาดว่าเงินฝากชาวอเมริกันจะยังคงปลอดภัยในช่วงเวลาที่ภาคธนาคารสหรัฐฯ เผชิญภาวะปั่นป่วน แม้จะเริ่มคลี่คลายไปบ้าง แต่อาจเป็นเพียงชั่วคราว ผลกระทบที่ตามมาของการเกิดวิกฤตภาคธนาคารอาจจะยังไม่จบ ซึ่งก็มีข่าวมาว่าสหรัฐฯ กำลังจะตรวจสอบธนาคารเครดิต สวิส และธนาคารยูบีเอส ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้มีอำนาจรัสเซียในการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรหรือไม่? ซึ่งเคยมีประวัติก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน ธนาคารเครดิต สวิสเคยได้บริหารจัดการเงินกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับลูกค้ารัสเซีย ซึ่งสร้างรายได้ให้กับธนาคารราว 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี

คำถามคือ ถ้าตรวจสอบแล้วผลออกมาธนาคารเครดิต สวิส มีส่วนเกี่ยวข้อง สหรัฐฯ จะจัดการอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยประกาศว่าจะคว่ำบาตรต่อบุคคล หรือองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือกับรัสเซียในการสงคราม ซึ่งอาจจะยิ่งซ้ำรอยวิกฤตภาคธนาคารเข้าไปอีก

นอกจากนี้อาจจะยังมีธนาคารอีกหลายแห่งในสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงเช่นเดียวกันกับธนาคาร SVB SB ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางเงินเฟ้อที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทั่วโลกยังคงต้องเผชิญอยู่ ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงนับตั้งแต่กลางปี 2565 มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเริ่มพลิกขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้อาจทำให้เฟดไม่กล้าที่จะขึ้นดอกเบี้ยแรงเหมือนเช่นปี 2565 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับฝั่งธนาคารกลางยุโรปเช่นกัน

ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงเผชิญต่อหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น และทะลุเพดานไปแล้ว ซึ่งในเดือนก.พ.นั้นสหรัฐฯ ได้ขาดดุลงบประมาณเพิ่ม 21% ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาหนึ่งของสหรัฐฯ ในการหาเงินมาจ่ายหนี้ และด้วยภาวะที่เงินเฟ้อมีความเป็นไปได้ที่จะกลับขึ้นไป และมีความเสี่ยงต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน จึงยิ่งทำให้เศรษฐกิจโลกยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ “Stagflation” มากขึ้น และจึงต้องจับตาต่อไปว่าเศรษฐกิจของจีน และอินเดียจะเข้ามามีบทบาทพยุงต่อเศรษฐกิจโลกได้มากน้อยเพียงใด

แนวโน้มราคาทองคำ

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ซึ่งราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,990 ดอลลาร์ (GF 32,330 บาท) และแนวต้านถัดไป 2,000 ดอลลาร์ (GF 32,460 บาท) ขณะที่มีแนวรับที่ 1,960 ดอลลาร์ (GF 32,100 บาท) และแนวรับถัดไปที่ 1,950 ดอลลาร์ (GF 31,960 บาท)

สำหรับ Gold Online Futures มีแนวต้านที่ 1994 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไป 2,004 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,964 ดอลลาร์ และ 1,954 ดอลลาร์ กลยุทธ์การลงทุน สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรบริเวณราคา 1,960 ดอลลาร์ (GF 32,100 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,950 ดอลลาร์ (GF 31,960 บาท) การลงทุนใน Gold Online สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรบริเวณราคา GOH23 ที่ 1,964 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,954 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

  • แนวรับ 1,960 และ 1,950 ดอลลาร์
  • แนวต้าน 1,990 และ 2,000 ดอลลาร์

ราคาทองคำแท่ง 96.5%

  • แนวรับ 31,900 และ 31,800 บาท
  • แนวต้าน 32,150 และ 32,300 บาท

ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น แต่ให้ระวังแรงเทขายแรงออกมาและอาจเกิดการปรับฐานอีกครั้ง แนะนำเข้าซื้อทองคำ บริเวณราคา 1,960 ดอลลาร์

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin